ในยุคที่ทุกคนโหยหาความมั่นคงให้ชีวิต “การกลับบ้าน” แม้จะฟังดูเรียบง่าย แต่กลับทำได้ยาก เพราะสิ่งแรกที่คนกลับบ้านจะต้องเจอก็คือ ‘คำถามจากครอบครัว’

ซึ่งแต่ละคำถามขึ้นกับผู้ถามว่าต้องการคำตอบแบบไหน แต่ในกรณีของคนกลับบ้าน พวกเขาจะต้องพบกับคำถามเหล่านี้คือ “กลับบ้านมาทำไม ?” หรือ “กลับมาแล้วจะทำอะไรต่อ ?”

ฟังดูเป็นเพียงคำถามทั่วไปที่เราสามารถได้ยินอยู่บ่อย ๆ ซึ่งผู้ถามอาจถามเพราะความห่วงใย หรือถามเพราะต้องการรู้จริง ๆ ว่าเรามีแผนในการกลับบ้านอย่างไรบ้าง ?

แต่ในความธรรมดาของคำถามเหล่านี้ได้แอบซ่อนสิ่งที่น่าขบคิดอยู่ด้วยเช่นกันคือ เมื่อเรากลับบ้าน เหตุใดจึงต้องคอยตอบคำถามว่า ‘ทำไมเราต้องกลับบ้าน’ สิ่งนี้ชวนให้สงสัยอยู่ว่า เมื่อบ้านเป็นบ้านของเรา ดังนั้นเราควรมีสิทธิ์กลับมาอยู่บ้านเมื่อไหร่ก็ได้ใช่หรือไม่ ? ซึ่งความจริงก็ควรเป็นเช่นนั้น แต่ในความปกติธรรมดานี้ กลับมีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้นก็คือ ‘ทำไมเราจึงกลับบ้านของเราไม่ได้ ?’

ด้วยสภาวะสังคมของชนบทที่ผลักให้คนรุ่นใหม่ต้องออกจากบ้าน และด้วยปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับผู้คน ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรต่าง ๆ อันมีส่วนทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวในชุมชนบ้านเกิดได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องออกหางานทำที่ต่างจังหวัดเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายออกไปโดยอัตโนมัติ

เมื่อมีใครสักคนคิดอยากกลับบ้าน พวกเขาจะต้องเจอกับคำถามที่ถาโถมเข้าใส่ประหนึ่งพายุลูกใหญ่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะในขณะที่คนรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังสู้งานอยู่ที่ต่างจังหวัด เรากลับเป็นคนกลุ่มน้อยเพียงไม่กี่คนที่เลือกกลับบ้าน

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกครั้งเมื่อเราหวนคืนถิ่น เราจะถูกมองว่าเป็นคนตกงาน หรืออาจมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิต

ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนตกงานที่เหน็ดเหนื่อยกับสภาวะเงินขาดมือในต่างจังหวัด หรืออาจเป็นคนที่มีเงินพร้อมมือแต่อยากกลับมาทำอะไรสักอย่าง รวมไปถึงเราอาจเป็นเพียงคนที่คิดถึงบ้านเกิด และอยากกลับบ้านเพราะโหยหาถิ่นฐานอันคุ้นเคยเฉกเช่นในอดีต

แต่หากการกลับบ้านคือจุดหมายปลายทางของเรา คำถามเหล่านี้ก็เป็นเพียงด่านแรกที่เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรามีคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามก็ได้!

“เพราะการกลับบ้าน” ไม่ใช่เพียงความสุขที่ให้คุณค่าทางจิตใจของเราเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึง การหวนคืนถิ่นของคนหนุ่ม-สาว ที่เต็มไปด้วยพลังกาย พลังใจ และความคิดใหม่ ๆ ให้กับบ้านเกิดของตัวเอง

 แม้จะมีความไม่เข้ากันอยู่บ้างระหว่างคนในครอบครัว แต่การเปลี่ยนแปลงย่อมมีความขัดแย้งเป็นธรรมดา หากเราเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน และหาแนวทางระดมความคิดเพื่อให้เกิดการผสมผสานสิ่งเก่ากับสิ่งใหม่ให้กลมกลืนกันได้แล้ว “การกลับบ้าน” ก็จะเป็นความสุขที่ยั่งยืนของเรา ครอบครัว และชุมชนได้อย่างแน่นอน